ต้องตั้งสติให้มั่นเมื่อ รถจมน้ำ
หากเกิดเหตุรถจมน้ำ อันดับแรกสำคัญมากที่สุด คือต้องตั้งสติให้มั่น ให้คิดง่าย ๆ ว่ามันไม่ยากเกินไปที่จะแก้ไขเมื่อมีสติ และขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่จะตกน้ำ อย่าปลดเข็มขัดนิรภัยออกจนกว่ารถจะหมดแรงกระแทก หลายคนเมื่อเห็นว่ารถกำลังเคลื่อนที่จะลงน้ำก็จะปลดเข็มขัดนิรภัยออกในทันที ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้ศีรษะไปกระแทกจากแรงประทะของผิวน้ำได้ค่ะ อย่าลืมว่าการกระแทกผิวน้ำจากที่สูง ไม่ต่างอะไรกับการปะทะกับกำแพงคอนกรีตเลยนะคะ


จะออกจากรถทางไหนดี?
1. ทางหน้าต่าง รอให้น้ำเข้ารถจนเกือบเต็ม และให้ออกทางหน้าต่างเท่านั้น โดยลดกระจกลง หากเป็นรถที่มีกระจกหน้าต่างแบบมือหมุน (Manual) แต่สำหรับกระจกไฟฟ้าจากสถานการณ์จำลองพบว่า แม้รถจะจมอยู่ในน้ำระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอีกประมาณ 10 นาที และถึงแม้เครื่องยนต์จะดับ คุณก็ไม่ต้องกลัวไฟช็อตแต่อย่างใด เพราะในรถยนต์จะใช้ไฟกระแสตรง (D.C.) ไม่เหมือนไฟบ้านที่เป็นกระสลับ (A.C.) ซึ่งเมื่อโดนน้ำแล้วช็อตเลย ฉะนั้นในรถยนต์จะไม่มีการช็อต การทำงานของกระจกไฟฟ้าไม่กี่วินาทียังพอมีเวลาที่จะทำงานได้ค่ะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2127705500865485&set=pcb.2127706264198742&type=3&theater2. ทางประตู ทันทีเมื่อรถยนต์นิ่งสงบอยู่ในน้ำ จะไม่สามารถเปิดประตูรถได้ทันที เพราะแรงดันน้ำจากภายนอก จะทำให้ไม่สามารถเปิดประตูได้ (จนท.ตำรวจสหรัฐ พิสูจน์ความจริงข้อนี้แล้วว่า จากการนำรถยกห้อยรถในน้ำไว้ครึ่งคัน แล้วให้ตำรวจทั้งที่อยู่ในและนอกรถลองพยายามเปิดประตูรถ แต่ก็ไม่สามารถกระทำได้) ดังนั้น สิ่งที่คุณจะทำได้คือรอ เริ่มต้นด้วยการปลดล็อกประตูที่เป็นแบบหมุดดึง (Manual) ถ้าเป็นประตูไฟฟ้าก็ต้องกดปลดล็อก เมื่อน้ำเข้ามาในรถมากพอเกือบถึงหลังคา จะทำให้ความดันภายนอกและภายในรถใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยให้ประตูสามารถเปิดออกได้ ให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุดและออกจากตัวรถทางประตู
สิ่งที่ห้ามทำอย่างเด็ดขาด
การเสียชีวิตส่วนใหญ่จากเหตุการณ์รถจมน้ำ เนื่องจากผู้เสียชีวิตพยายามตามอากาศที่ไหลไปรวมกันอยู่หลังรถ เพราะหน้ารถพุ่งลงน้ำ (เครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า) หัวรถจะจมน้ำก่อนแล้วท้ายรถก็จะโด่งขึ้นอากาศจึงไหลไปรวมกันที่นั่งหลัง อากาศที่อยู่หลังรถดูเหมือนจะมีให้หายใจได้ แต่เมื่อจมลงไปเรื่อย ๆ ตัวรถจะเริ่มตั้งฉากอากาศจะถูกบีบออกทางกระโปรงหลังภายในไม่กี่นาที จนสุดท้าย ไม่มีอากาศเหลืออยุ่ภายในรถอีกต่อไป และทำให้ไม่มีเวลา และอากาศมากพอที่จะหนีออกมาจากตัวรถ